ประเภทของรถยก (Forklift) และการใช้งานที่เหมาะสม เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ ?
- Cheyne Stokes
- 2 ก.พ.
- ยาว 2 นาที

หากพูดถึง “รถยก” หรือ Forklift หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ยกพาเลทสินค้าในโกดังหรือโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป แต่จริง ๆ แล้ว รถยกมีหลายประเภทที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าขนาดเล็ก พื้นที่ขรุขระ ไปจนถึงงานหนักในภาคอุตสาหกรรม วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับรถยกประเภทต่าง ๆ และเลือกให้เหมาะสมกับงานของคุณ!

1. Warehouse Forklift – รถยกสำหรับคลังสินค้า
🚛 เหมาะสำหรับ: โกดังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า
🔹 การใช้งาน: ใช้สำหรับขนย้ายพาเลทสินค้าและจัดเรียงสินค้าในพื้นที่แคบ
✅ ข้อดี:
✔️ คล่องตัว ใช้งานง่าย
✔️ เหมาะกับการโหลดสินค้าขึ้นรถบรรทุก
❌ ข้อเสีย:
✖️ ใช้งานภายนอกอาคารหรือบนพื้นขรุขระไม่ดี

2. Side Loader Forklift – รถยกข้างสำหรับของยาว
🚛 เหมาะสำหรับ: โรงงานไม้, อุตสาหกรรมเหล็ก
🔹 การใช้งาน: ใช้สำหรับขนท่อ ไม้ กระจก หรือวัสดุที่มีความยาว
✅ ข้อดี:
✔️ ขนของยาวได้โดยไม่ต้องหมุนตัว
✔️ ใช้พื้นที่น้อย
❌ ข้อเสีย:
✖️ ไม่เหมาะกับการยกพาเลทมาตรฐาน

3. Counterbalance Forklift – รถยกแบบถ่วงน้ำหนัก
🚛 เหมาะสำหรับ: คลังสินค้า, โรงงานอุตสาหกรรม
🔹 การใช้งาน: ยกพาเลทสินค้าทั่วไป ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
✅ ข้อดี:
✔️ แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย
✔️ มีถ่วงน้ำหนักเพื่อความสมดุล
❌ ข้อเสีย:
✖️ ต้องการพื้นที่กว้างในการหมุนตัว
✖️ ไม่สามารถเข้าถึงชั้นวางสูงได้ดี

4. Reach Truck – รถยกสำหรับชั้นวางสูง
🚛 เหมาะสำหรับ: คลังสินค้าขนาดใหญ่
🔹 การใช้งาน: จัดเก็บสินค้าในชั้นสูงกว่า 10 เมตร
✅ ข้อดี:
✔️ เคลื่อนที่ในทางเดินแคบได้ดี
✔️ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้า
❌ ข้อเสีย:
✖️ ใช้งานภายนอกไม่ดี
✖️ ต้องการพื้นเรียบ

5. Tele handler – รถยกแขนยืด
🚛 เหมาะสำหรับ: งานก่อสร้าง, งานเกษตร
🔹 การใช้งาน: ยกวัสดุขึ้นสูงได้ไกล เช่น งานติดตั้งโครงสร้าง
✅ ข้อดี:
✔️ แขนยืดสูงและยกของได้ไกล
✔️ ใช้งานได้หลายรูปแบบ
❌ ข้อเสีย:
✖️ ต้องใช้คนขับที่มีทักษะเฉพาะ
✖️ ราคาสูง

6. Industrial Forklift – รถยกอุตสาหกรรมหนัก
🚛 เหมาะสำหรับ: โรงงานโลหะ, คลังสินค้าขนาดใหญ่
🔹 การใช้งาน: ยกของหนักมาก เช่น คอยล์เหล็ก
✅ ข้อดี:
✔️ รองรับน้ำหนักสูง
✔️ แข็งแรง ทนทาน
❌ ข้อเสีย:
✖️ ต้องการพื้นที่กว้าง
✖️ สิ้นเปลืองพลังงาน

7. Rough Terrain Forklift – รถยกสำหรับพื้นที่ขรุขระ
🚛 เหมาะสำหรับ: ไซต์ก่อสร้าง, งานฟาร์ม
🔹 การใช้งาน: ขับเคลื่อนบนดิน ทราย หรือพื้นที่ไม่เรียบ
✅ ข้อดี:
✔️ ใช้งานได้ในทุกสภาพพื้นผิว
✔️ รองรับน้ำหนักได้มาก
❌ ข้อเสีย:
✖️ ไม่เหมาะสำหรับงานในโกดัง
✖️ ต้องการพื้นที่หมุนตัวกว้าง

8. Walkie Stacker – รถยกแบบเดินตาม
🚛 เหมาะสำหรับ: คลังสินค้าขนาดเล็ก
🔹 การใช้งาน: ใช้ในพื้นที่แคบ ไม่ต้องใช้คนขับ
✅ ข้อดี:
✔️ ใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ
✔️ เหมาะสำหรับการยกสินค้าระดับต่ำถึงปานกลาง
❌ ข้อเสีย:
✖️ ไม่เหมาะกับงานหนัก

9. Order Picker – รถยกสำหรับหยิบสินค้า
🚛 เหมาะสำหรับ: คลังสินค้าระบบอัตโนมัติ
🔹 การใช้งาน: หยิบสินค้าในชั้นวางสูง
✅ ข้อดี:
✔️ ลดภาระของพนักงาน
✔️ ใช้ในระบบโลจิสติกส์ที่ต้องการความเร็ว
❌ ข้อเสีย:
✖️ ไม่เหมาะกับสินค้าหนัก

10. Reach Stacker – รถยกสำหรับตู้คอนเทนเนอร์
🚛 เหมาะสำหรับ: ท่าเรือ, ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่
🔹 การใช้งาน: ยกตู้คอนเทนเนอร์ได้หลายชั้น
✅ ข้อดี:
✔️ รองรับน้ำหนักมาก
✔️ แขนยืดเข้าถึงคอนเทนเนอร์ได้ง่าย
❌ ข้อเสีย:
✖️ ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
✖️ ราคาสูง
เลือก Forklift ให้เหมาะสมกับงานของคุณ
หากธุรกิจของคุณต้องการ รถยก การเลือกประเภทให้เหมาะสมจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โกดังสินค้า, โรงงานอุตสาหกรรม, งานก่อสร้าง หรือศูนย์กระจายสินค้า การใช้รถยกที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประหยัดต้นทุนในระยะยาว
✅ หากคุณกำลังมองหาคอร์สฝึกอบรมการชับรถยกที่เหมาะกับงานของคุณ? ลองดูที่ Link ด้านล้าง
พร้อมรับวุฒิบัตรหลังผ่านการอบรม > หลักสูตรการอบรมลูกจ้างซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยก
ติดต่อสอบถาม
โทร : 095-590-9355
Line : atlast.op
E-mail : info@atlast.co.th
สรุป
แต่ละประเภทของรถยกมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะสมกับงานของคุณจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือก Forklift ที่ตอบโจทย์ที่สุด! 🚀



